คุณสมบัติของผ้าขึ้นอยู่กับเส้นด้ายที่ใช้ผลิต
เรามาทำความรู้จักกับ ลักษณะและคุณสมบัติของเนื้อผ้า โดยทั่วไปแล้วเส้นด้ายที่ใช้ในการทอผ้านั้น มีอยู่ 3 ประเภท คือ

เส้นใยฝ้าย เป็นเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากพืช คือดอกฝ้าย ส่วนประกอบของเส้นใย คือ เซลลูโลส เส้นใยฝ้ายมีลักษณะคงทน ซึมซับน้ำได้ดี เส้นใยฝ้ายทนต่อสภาวะได้ดี เส้นใยไม่เปื่อยหรือไม่ละลายในด่างที่เข้มข้นและเจือจางทุกชนิด แต่จะละลายในกรดเข้มข้น และเปื่อยลงได้เร็วในกรดอ่อน
เส้นใยโพลีเอสเตอร์ ทำจากขบวนการทางเคมี เป็นเส้นใยที่มีความเหนียว ทำเป็นผืนผ้าได้ดีไม่ซึมน้ำ เป็นเส้นใยที่ใช้ผลิตผ้ากันมากที่สุดในโลก คุณสมบัติของเส้นใยโพลีเอสเตอร์คือ ทนกรดอ่อนๆทุกชนิดจนกระทั่งกรดรุนแรงอย่างเช่นกรดกำมะถันเข้มข้นถึง70% แต่เส้นใยชนิดนี้จะไม่ทนต่อแม้ด่างชนิดเจือจางก็สามารถทำให้เส้นใยละลายจน กระทั่งเส้นใยบางลงในที่สุด ข้อเสียของเส้นโพลีเอสเตอร์ก็คือ ย้อมสีติดยากที่สูดต้องใช้อุณหภูมิถึง 130 C
เส้นใยผสม คือการนำเส้นใยมากกว่า 1 ชนิด มารวมกันเพื่อเพิ่มข้อดีและเป็นการลดจุดด้อยของผ้าอีกชนิดลงได้มีผู้ทดลองนำข้อเสียของเส้นใยโพลีเอสเตอร์มาผสมข้อดีของผ้าฝ้าย จนเกิดเส้นใยผสมโพลีเอสเตอร์กับผ้าฝ้ายขึ้น

นอกจากนั้นแล้วยังมีการแบ่งประเภทของผ้าตามส่วนผสมของเส้นด้ายแล้ว และสามารถแบ่งตามลายทอผ้า ได้ดังนี้
1. แบบเนื้อเรียบ ลักษณะการทอ จะละเอียดแน่น นิยมทำเป็นเสื้อคอกลม เช่น Jersey
2. แบบเนื้อ Lacoste และ จูติ
- Lacoste ลักษณะการทอ จะมีพื้นผิวไม่เรียบ แต่จะมีลายเหมือนรูปข้าวหลามตัดเล็กๆ
- จูติ ลักษณะการทอ จะมีพื้นผิวเรียบแต่ลักษณะเป็นรู เหมือนรังผึ้ง
3. แบบทอสองชั้น ลักษณะทางกายภาพ ด้านนอกจะทอแบบ Jersey ด้านในทอแบบ Lacoste หรือจูติ ทำให้มีคุณสมบัติในการระบายอากาได้ดี เช่น Dry tech
ผ้าลายจูติ (Pique) หรือ Lacoste
เป็น ชื่อเรียกชนิดของลายทอผ้า ซึ่งคุณสมบัติของผ้าชนิดนี้ จะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ หรือส่วนประกอบที่นำมาทักทอขึ้นเป็นตัวผ้า โดยทั่วไปแล้วผ้าลายจูติ จะประกอบไปด้วย เส้นใยฝ้าย (Cotton) ผสมกับเส้นใยสังเคราะห์ (Polyester) ซึ้งอัตราส่วนการผสมกันนี้จะทำให้ได้คุณสมบัติของผ้าที่แตกต่างออกไป สำหรับ เนื้อผ้าจูติที่ www.smilepolodesign.com นำเสนอให้แก่ลูกค้าเลือกใช้งานนั้น จะเป็นเนื้อผ้าที่มีส่วนผสมของ เส้นใยฝ้าย (Cotton) และเส้นใยสังเคราะห์ (Polyester) ดังนี้
ชนิดเส้นด้าย
|
วัตถุดิบ
|
คุณสมบัติของผ้า
|
คุณลักษณะการใช้งาน
|
การขึ้นขน
|
Cotton
|
ฝ้าย ธรรมชาติ
|
มีความยืดหยุ่นสูง มีการระบายอากาศได้ดี เนื้อผ้านุ่ม เห็นเส้นใยฝ้ายฟูบาง
|
ใส่สบาย ดูดซับเหงื่อ แต่มีปัญหาเรื่องผ้าหดตัว
|
ไม่ขึ้นขนเป็นเม็ดก้อน แต่จะฟูด้วยคุณลักษณะของเส้นด้าย(เป็นธรรมชาติของฝ้าย)
|
เส้นด้ายผสม
|
CVC
|
cotton70%+ Polyester 30%
|
มีความยืดหยุ่นสูง มีการระบายอากาศได้ดี เนื้อผ้านุ่ม เห็นเส้นใยฝ้ายฟูบาง
|
ใส่สบายกว่า TC ดูดซับเหงื่อไม่หดตัวเหมือน cotton
|
ไม่ขึ้นขนเป็นเม็ดก้อน แต่จะฟูด้วยคุณลักษณะของเส้นด้าย
|
TC
|
cotton30%+ Polyester 70%
|
มีความยืดหยุ่นปานกลาง มีการระบายอากาศได้ไม่ค่อยดี เนื้อผ้าค่อนข้างนุ่ม เห็นเส้นใยฝ้ายฟูบาง
|
ใส่สบายกว่า TK ไม่มีปัญหาการหดตัว
|
พบการขึ้นขนน้อยมาก เกิดจากการใช้งานระยะยาว
|
เส้นใยสังเคราะห์
|
TK
|
Polyester 100%
|
มีความยืดหยุ่นน้อย มีการระบายอากาศได้ไม่ดี เนื้อผ้าเป็นมันเงา
|
ไม่ค่อยซับเหงื่อ แต่ไม่มีปัญหาการหดตัวของผ้า ยับยาก
|
ใช้งานระยะหนึ่งจะเกิดขนเป็นเม็ดก้อน
|
ลักษณะ และคุณสมบัติของผ้าดังกล่าวเป็นเพียง ลักษณะโดยทั่วไปเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว คุณสมบัติของเส้นใยที่นำมาผลิตด้าย และผ้านั้นยังมีรายละเอียดอีกมากมาย เช่น ด้ายที่ผลิตจากเส้นใยสั้น ด้ายที่ผลิตจากเส้นใยยาว หรือถ้าวิเคราะห์ตามคุณสมบัติของเส้นใยที่มีผลต่อคุณสมบัติของผ้า เราอาจจะต้องพิจารณา สมบัติความเป็นมันวาว การทิ้งตัวของผ้า เนื้อผ้า คุณสมบัติต่อผิวสัมผัส การทนแต่แรงเสียดสี ความทนต่อแรงดึง การดูดซับน้ำ เป็นต้น